เทคนิคจัดแต่งห้องทำงานให้ผ่อนคลาย

วันที่ : 01/02/2019   จำนวนผู้ชม : 1,791

ห้องทำงาน เป็นห้องที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีล้ำนำสมัยอยู่เสมอ จึงสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบงานออกแบบตกแต่งภายในมาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ในอดีตภายในห้องอาจมีเพียงแค่เครื่องเสียงไฮไฟ โทรทัศน์ และเครื่องเล่นวิดีโอเท่านั้น แต่ปัจจุบันภายในห้องทำงานมีทั้งเครื่องเล่นดีวีดี ระบบเสียงรอบทิศทาง คอมพิวเตอร์ แฟกซ์ และพริ้นเตอร์ รวมถึงห้องอื่นๆ ภายในบ้านก็อาจต้องประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้เช่นกัน นอกจากนี้ บ้านสมัยใหม่ทั่วไปมักมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านอีกด้วย

ในอดีตที่ผ่านมา อุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้ มักถูกซ่อนหรือปกปิดไว้อย่างมิดชิด แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว กลับชอบที่จะโชว์สิ่งเหล่านี้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โทรทัศน์ และจอคอมพิวเตอร์ แต่จะซ่อนอุปกรณ์ประกอบที่ไม่สวยงาม เช่น Hard Drive พริ้นเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดี และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ช่วยสร้างระบบบันเทิงสมบูรณ์แบบเอาไว้ในตู้เก็บของที่ถูกออกแบบสร้างขึ้น มาให้กลมกลืนกับห้องอย่างลงตัว สำหรับ “ สายไฟ ” ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาเสมอในอดีต เพราะสายไฟที่ยุ่งเหยิงมักจะทำให้เกิดภาพภายในห้องที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน คุณสามารถรวมสายไฟหลายๆ เส้นไว้ในสายเคเบิลเพียงเส้นเดียวได้ และในอนาคตอีกไม่นาน ปัญหานี้ก็จะหมดไปด้วยเทคโนโลยีไร้สายที่ทันสมัยที่สุด

โดยทั่วไป งานที่คนส่วนมากนำกลับมาทำที่บ้าน เป็นงานเพียงบางส่วนที่ยังคั่งค้างมาจากที่ทำงานเท่านั้น ห้องทำงานจึงเป็นห้องที่ถูกละเลยในการออกแบบตกแต่งให้สวยงาม เป็นห้องที่ดูเรียบง่าย ซึ่งไม่เหมาะสมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่มีภายในห้อง ดังนั้นหากคุณต้องการมีห้องทำงานสักห้องภายในบ้าน คุณควรที่ออกแบบให้ห้องทำงานของคุณเป็นได้ทั้งสถานที่ทำงาน และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นในตัว สำหรับความคิดเห็นของผู้เขียน ห้องทำงานต้องเป็นสถานที่ๆ ผู้เขียนสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่าง ทั้งอ่านหนังสือ คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิท พิมพ์งาน เล่นอินเตอร์เน็ต รวมทั้งจัดตารางนัดหมาย เป็นห้องทำงานที่เน้นความเป็นบ้านมากกว่าเป็นสถานที่ทำงาน

 

ห้องทำงานภายในบ้าน มักไม่ได้ถูกคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก เป็นห้องที่ดัดแปลงมาจากห้องอื่นๆ เช่น ห้องนอนที่เล็กที่สุดของบ้าน แต่ความจริงแล้ว สถานที่ๆ เหมาะสำหรับที่จะเป็นห้องทำงานภายในบ้าน คือ “ ห้องอาหาร ” ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ครอบครัวทั่วไปชอบทานอาหารกันในห้องครัวมากกว่าห้องอาหาร ดังนั้นพื้นที่ในห้องอาหารจึงไม่ได้ถูกใช้งานมากนัก คุณจึงสามารถออกแบบและแบ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องอาหารให้เป็นสองส่วน คือพื้นที่ในส่วนใช้งานสำหรับรับประทานอาหาร และพื้นที่ในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานสำหรับทำเป็นห้องทำงาน ครอบครัวโดยทั่วไปมักไม่นิยมประดับประดาโต๊ะอาหารให้สวยงามอยู่เสมอ โต๊ะจึงดูว่างเปล่าสะท้อนอารมณ์หดหู่และดูไม่น่าประทับใจ หากบนโต๊ะวางหนังสือที่เปิดอยู่เหมือนเจ้าของบ้านกำลังอ่านค้างไว้สักเล่ม ห้องอาหารจะดูน่าสนใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด นอกจากนี้ คุณอาจต้องกันพื้นที่ไว้บางส่วนสำหรับวางชั้นหนังสือด้วย ตอนนี้ห้องอาหารของคุณได้กลายเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คุณสามารถมีกิจกรรม เพื่อการพักผ่อนและผ่อนคลายกับครอบครัวได้

เหตุผลอีกประการในการแบ่งพื้นที่ในห้องอาหารให้มีพื้นที่ใช้งานเป็นสอง ส่วน (ส่วนรับประทานอาหารและส่วนพื้นที่ทำงาน) คือ หนังสือที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ หรือหนังสือที่จัดอยู่บนชั้นวางในส่วนพื้นที่ทำงาน จะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องอาหารให้ดูสดใส ดูเด่น และน่าสนใจมากขึ้น หนังสือเปรียบเสมือนการสร้างคาแรกเตอร์ให้กับงานประติมากรรมหรือภาพวาด ซึ่งหากคุณใส่จุดเด่นลงไปจะทำให้งานปั้นหรือภาพวาดนั้นๆ ดูดีและมีราคาขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับชุดของสะสมของคุณก็เป็นของประดับประดาตกแต่งที่มีค่ายิ่งสำหรับห้อง นี้ เพราะชุดของสะสมจะสร้างบรรยากาศภายในห้องไม่ให้ดูกระด้างจากของโชว์สมัยใหม่ เช่น โทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่คุณยังจะได้โชว์ของประดับประดาที่สวยงาม ทำให้คุณสามารถผ่อนคลายอารมณ์ไปด้วยในเวลาที่คุณรับประทานอาหาร หรือนั่งทำงาน ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ห้องทำงานของคุณจะไม่ได้รับการเอาใจใส่ให้มีการออกแบบตกแต่งภายในให้สวย งามเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ ภายในบ้าน