เข้าหน้าฝนทีไร อากาศในบ้านมักอับเเละมีความชื้นสูง เป็นต้นเหตุให้เจ้าเชื้อราอาละวาด เกิดรอยจุดด่างดำแพร่กระจายไปทั่วตามผนังบ้านทั้งภายในภายนอก หรือไปอยู่บนฝ้าเพดาน ตามเฟอร์นิเจอร์ของเรา นอกจากจะเป็นภาพที่ไม่สวยงามแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพเราอีกด้วย
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กลุ่มของเชื้อรามักมีรอยจุดสีต่างๆ เช่น สีดำ สีน้ำตาล สีเขียวสีแดง สีเหลือง สีขาว ลักษณะเป็นดวงและมีกลิ่นเหม็นอับ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน เชื้อรามักจะเจริญเติบโตซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ฝ้าเพดาน ผนังใต้พื้น ใต้พรม วอลเปเปอร์ ตู้เสื้อผ้า ฟูก หมอน เครื่องหนัง เป็นต้น
เมื่อทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเอง เราอาจจะสูดหายใจสปอร์ของเชื้อราที่ปลิวอยู่ในอากาศภายในบ้านเข้าไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล โรคปอดอักเสบจากภูมิแพ้โรคหอบหืด ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษ ดังนั้นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีข้อแนะนำในการกำจัดเชื้อราง่ายๆ 5 ขั้นตอนมาฝาก
1.ป้องกันตนเองด้วยการสวมอุปกรณ์
สวมรองเท้าบู๊ตยาง สวมถุงมือยางจะช่วยป้องกันเชื้อราสัมผัสผิวหนังเราโดยตรง หรือใส่แว่นตาป้องกันเชื้อรากระเด็นเข้าตา และใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันการหายใจเอาสปอร์เชื้อราและไอระเหยสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
2.การระบายอากาศ
ในระหว่างทำความสะอาดควรเปิดประตู หน้าต่าง ม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทและให้มีแสงแดดส่องถึง ที่สำคัญไม่ควรเปิดแอร์และพัดลมในระหว่างการทำความสะอาด เพราะจะทำให้สปอร์ของเชื้อราฟุ้งกระจายได้
3.การทำความสะอาด
เฟอร์นิเจอร์
ให้ล้างเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำและสบู่เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือผงปูนคลอรีน 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนน้ำยาซักผ้าขาว 3-5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร)
วอลเปเปอร์
สำหรับเชื้อราที่ขึ้นเป็นจุดๆ บนวอลเปเปอร์และผนัง ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล 70 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับกรดซาลิไซลิกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 แต่หากพบว่ามีเชื้อราเป็นจำนวนมาก ควรเปลี่ยนวอลเปเปอร์และผนังใหม่
เครื่องหนัง
ส่วนเชื้อราบนเครื่องหนังให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถูหลายๆ ครั้ง เมื่อเครื่องหนังแห้งแล้วให้เช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอีกครั้ง และใช้ครีมเช็ดรองเท้าเช็ดถูปิดท้าย หลังจากการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เสร็จแล้ว ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ดหรือพ่นบริเวณที่มีเชื้อราเจริญ ต่อเนื่องทุกวันจนเชื้อราหายไป จากนั้นเว้นระยะเช็ด หรือพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโตอีก
4.การทำให้แห้ง
หลังทำความสะอาดและฆ่าเชื้อราในบ้านเสร็จแล้วให้เปิดพัดลมเป่าในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เปิดหน้าต่าง ประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเทเอาสปอร์ของเชื้อราออกจากตัวบ้าน จนมั่นใจว่าบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ แห้งสนิท
5.ตรวจสอบเชื้อรา
หลังจากทำความสะอาดไปแล้ว 2-3 วัน ให้สังเกตว่ามีเชื้อราเจริญเติบโตอีกหรือไม่ ถ้ายังพบว่ามีเชื้อราให้ทำความสะอาดซ้ำ หากมีเชื้อราเกิดขึ้นอีกให้ตรวจสอบระบบระบายอากาศ ระบบแอร์ทั้งหมด และระดับความชื้นภายในบ้านด้วย
ทีนี้ก็ได้วิธีดีๆ ไปกำจัดเชื้อราภายในบ้านของเราแล้ว หน้าฝนนี้อาจจะต้องรับศึกหนักกันสักหน่อย เเต่อย่าปล่อยให้เจ้าเชื้อรามากวนใจและเป็นภัยต่อสุขภาพของตัวเราและคนในบ้านเด็ดขาด คราวหน้ามีเกร็ดความรู้ในบ้านอะไรมาฝากอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ
ที่มา : โพสต์ทูเดย์