สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา
ในการซื้อบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
ทุกวันนี้คนมักเข้าใจกันว่า
จะต้องทำฮวงจุ้ย
จากภายในออกไปข้างนอก
โดยพยายามปรับ
ให้สภาพแวดล้อมสอดคล้องกับบ้าน
ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง
เพราะการพิจารณาฮวงจุ้ยภายในบ้าน
หรือที่ดินนั้น
จะทำขึ้นหลังจากลักษณะสภาพแวดล้อม
เช่น ภูเขา แม่น้ำ หรือถนนในเมือง
และอาคารต่าง ๆ
ที่ล้อมรอบบ้าน หรือที่ดิน
ได้รับการพิจารณาแล้ว
คุณภาพของที่ดินที่ดี
ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
ของสภาพแวดล้อมภายนอก
และพลังชี่ที่ที่ดินนั้น ๆ จะได้รับ
ส่วนฮวงจุ้ยภายในนั้น
จะใช้เพื่อควบคุม
วิธีที่พลังชี่ไหลเข้ามาในที่ดิน
ตลอดจนการจัดวางรูปแบบ
การหมุนเวียนของพลังชี่
และการนำมาใช้ประโยชน์ในบ้าน
พลังชี่ก็เปรียบเสมือนแก่น
หรือกระดูกสันหลังของฮวงจุ้ย
ต้องมีการคำนวณ
ตรวจสอบพลังชี่
ทั้งภายในและภายนอกบ้าน
และนำหลักการมาประยุกต์ใช้
นี่เป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับผู้ให้คำปรึกษาด้านฮวงจุ้ย
ที่เป็นมืออาชีพ
ห้องต่าง ๆ ในบ้าน
สามารถช่วยให้เกิดฮวงจุ้ยที่ดีได้
ไม่ว่าจะห้องไหน
หากในห้องนั้นมีพลังชี่ที่ดี
ก็ช่วยส่งเสริมฮวงจุ้ยของบ้าน
แต่ถ้าเกิดมีพลังชี่ที่ไม่ดี
ก็ต้องลองหาห้องอื่นที่มีพลังงานที่ดีกว่า
ไม่เช่นนั้นก็ต้องหาวิธีปรับปรุง
และพยายามสร้างทางหมุนเวียน
ของพลังชี่ที่ดีภายในบ้าน
เพื่อที่พลังชี่นั้นจะได้เอื้อประโยชน์
และเกื้อหนุนคนในบ้านได้
แต่สำหรับเครื่องเรือน
เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งต่าง ๆ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ย
แต่สิ่งเหล่านี้
ก็จะสามารถมาช่วยเสริมหรือข่ม
พลังงานบางประเภท
ในบางบริเวณของบ้าน
ข้อแนะนำสำหรับคนจะซื้อที่ดิน
ก่อนจะเลือกซื้อที่ดิน
จะดีที่สุด
ถ้ามีการคัดกรองที่ดิน
ที่จะซื้อก่อน
นั่นคือ
อาจต้องจ่ายเงิน
เพื่อปรับปรุงฮวงจุ้ยตั้งแต่แรก
ดีกว่าที่ต้องมาจ่ายเงิน
เพื่อแก้ตรงบริเวณที่ไม่ดี
แถมยังต้องมาจ่ายเพิ่ม
เพื่อปรับฮวงจุ้ยอีกต่างหาก
ดังนั้นหากจะลดค่าใช้จ่าย
ที่ไม่จำเป็น
การปรับปรุงฮวงจุ้ย
แก้ไขก่อนแต่แรก
จะช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก
ฮวงจุ้ย 10 ประการ
บั่นทอนโชคลาภ ที่ควรเลี่ยง
ฮวงจุ้ยประเภทใด
ที่อยู่แล้วขาดความเจริญ
ยิ่งอยู่ยิ่งยากจน
ยิ่งเงินทองสูญหาย
ยิ่งนำพาปัญหาและอุปสรรค
มาสู่คนในบ้าน
ควรรู้เอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยง
ไม่ให้บ้านหรือร้านค้า
ตรงตามฮวงจุ้ยดังต่อไปนี้
1. บ้านที่ขาดการถ่ายเทอากาศ
ปิดทึบ
ประตู หน้าต่างมีขนาดเล็กมาก
เมื่อเทียบกับขนาดของบ้าน
บ้านที่ดี
ควรมีพลังงานหมุนเวียนถ่ายเท
หรือที่เรียกว่าพลังชี่
มีการหมุนเวียนได้ดีทั่วบ้าน
หากบ้านใด
ที่ปิดทึบตลอดเวลา
หรือห้องใดที่มีแสงสว่างจากภายนอก
เข้ามาน้อยมาก
บ้านนั้นจะขาดพลังชีวิตที่ดี
หากมองในแง่วิทยาศาสตร์แล้ว
บ้านที่การถ่ายเทอากาศได้ไม่ดี
ก็เป็นจุดเริ่มต้น
ของการสะสมเชื้อโรคให้เจริญเติบโต
คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย
แก้ไขได้
ด้วยการหมั่นถ่ายเทอากาศสม่ำเสมอ
หรือให้มีพลังชีวิตของคน
มากระตุ้นได้
โดยพาเพื่อนมาจัดเลี้ยง สังสรรค์
หรือพาเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นเสมอ ๆ
จะเป็นการใช้คนภายนอก
นำมาพลังเข้ามาในบ้าน
เป็นการกระตุ้นพลังชีวิตของบ้าน
ได้เช่นกัน
2. บ้านที่มีของรกรุงรัง
ปิดทางเข้าของบ้าน ขวางหน้าบ้าน
บ้านที่ด้านหน้ามีสิ่งของปิด
ไม่ให้พลังเข้าบ้าน
เป็นการทำให้กระแสที่ดี
เข้าสู่ตัวบ้านได้ยากและลำบาก
บ้านที่ข้างในบ้านมีของรกรุงรังก็เช่นกัน
ส่งผลให้กระแสภายในบ้าน
ไหลเวียนไม่สะดวก
โชคลาภไม่ทำงาน
เพราะติดขัดตลอดเวลา
ควรหมั่นเก็บกวาดบ้าน
และสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้ว
ควรนำไปทิ้งเสมอ ๆ
3. บ้านที่อยู่สูง
หรือต่ำกว่าถนนมาก
บ้านที่สร้างใหม่
มักจะมีการถมที่
เผื่อน้ำท่วมไว้สูงมาก
จะส่งผลให้โชคลาภในบ้าน
ไหลออกภายนอกหมด
สังเกตได้ง่าย ๆ
หลังจากย้ายเข้าบ้าน
ที่สร้างสูงกว่าถนนไว้มาก ๆ
บ้านนั้นจะขาดโชคลาภ
และเงินทองจะเก็บไม่ค่อยอยู่ตลอด
หรือมีเรื่อง
ให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นประจำ
ส่วนบ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนนมากเกินไป
ก็จะเป็นบ่อพักพลังงานทุกอย่าง
พลังไหลเข้าบ้านได้
แต่ออกไม่ได้
ซึ่งเข้าข่ายไม่มีการถ่ายเททีดี
ดังนั้นบ้านที่ดี
ไม่ควรอยู่สูงกว่าพื้นถนน
เกินครึ่งฟุต
หรือต่ำกว่าครึ่งฟุต
อย่างนี้ถือว่าไม่ต่ำหรือสูงมาก
จะช่วยให้พลังงาน
ไหลเวียนถ่ายเทได้ดี
และควรออกแบบ
ให้เป็นลักษณะเหมือนแอ่งตื้น ๆ
เพื่อเก็บพลังงานไว้ได้
และถ่ายเทได้เช่นกัน
ถ้าบ้านที่สูงกว่าถนน
บริเวณหน้าบ้านที่ลาดออกถนน
ควรมีจุดกั้นพลังงาน
ก่อนไหลออกจากบ้าน
สูงกว่าปกติเล็กน้อย
เพื่อกั้นไม่ให้โชคลาภ
ไหลออกได้ง่ายเกินไป
4.บ้านที่มีหน้าต่าง หรือประตู
มากเกินไป
บ้านที่ดูโปร่ง โล่งสบายเกินไป
จะไม่สามารถเก็บพลังไว้ได้
โชคลาภมักจะมาแล้วหายไป
เก็บกักไว้ไม่อยู่
ดังนั้นควรแก้ไข
ด้วยการตรวจหาทิศที่ดีประจำบ้าน
และประจำปี
ทิศดีให้เปิดรับพลังงาน
ที่ร้ายให้ปิดเอาไว้
อย่าให้มีการไหลเวียนเข้าบ้าน
5. ประตูหรือหน้าต่างตรงกัน
จากหน้าบ้านไปสู่หลังบ้าน
บ้านที่ประตู หน้าต่างทะลุถึงกัน
ก็เป็นอีกรูปแบบ
ที่เงินเข้ามาแล้วออกไป
แก้ไขได้โดยหาฉากมากั้น
หรือใช้เฟอร์นิเจอร์มาปิด
ระหว่างหน้าต่างหรือประตูที่ตรงกัน
หากห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามกันแล้ว
ประตูตรงกัน
ถ้าดวงคนในห้องทั้งสองชงกัน
ก็จะส่งผลให้มีปากเสียงกันง่ายขึ้น
แต่หากเป็นชายหญิงระวังเรื่องชู้สาว
หากดวงเข้ากันได้
ความสัมพันธ์จะยิ่งดีขึ้น
6. บ้านที่มีรั้วแบบโปร่ง
และไม่มีจุดเก็บพลังงานรอบบ้าน
รั้วฝั่งด้านหน้าควรเปิดโล่ง
ส่วนด้านอื่นควรปิดทึบ
หากโล่งเกินไป
ควรหาต้นไม้
มาปูลกเป็นแนวแทนก็ได้เช่นกัน
7. บ้านที่บันได
หันไปทางหน้าบ้าน
และตรงกับประตูบ้าน
กระแสจะไหลออกหน้าบ้าน
มีเรื่องต้องสูญเสียเงินทองเสมอ
ควรหาเฟอร์นิเจอร์มันกั้น
หรือฉากมาปิดไว้
สามารถใช้น้ำพุ
หรือตู้ปลาช่วยได้
8. สภาพแวดล้อมที่ขาดพลังชิวีตที่ดี
รกร้าง อึมครึม ต้นไม้เหี่ยวเฉา
หากบ้านใด
ที่ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อม
ที่ดูรกร้างว่างเปล่า
ต้นไม้สูงใหญ่ดูอึมครึมน่ากลัว
หรือต้นไม้ไม่เจริญเติบโตงอกงาม
หมายถึงสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น
ขาดพลังชีวิตที่ดี
บ้านที่ตั้งอยู่ตรงนั้น
ก็จะขาดพลังชีวิตตามไปด้วย
อยู่แล้วไม่เจริญรุ่งเรือง
และมีโอกาสเสียชีวิต
แบบผิดปกติ
แก้ไขโดย
พยายามจัดบริเวณบ้าน
ให้น่าอยู่ ร่มรื่น
เพื่อช่วยสร้างพลังชีวิตขึ้นมาใหม่
9. สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยขยะ
น้ำเสียเน่าเหม็น สกปรก อับชื้น
สภาพแวดล้อมเช่นนี้
จะส่งผลให้มีแต่เรื่องเสียหาย
เรื่องที่ไม่ดีเข้าสู่คนในบ้าน
ระวังมีปัญหาชู้สาว
เจ็บป่วย
หน้าที่การงานถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจมืด
สิ่งผิดกฏหมาย
แม้มีโชคลาภก็นำมาซึ่งความวุ่นวาย
เสียหายต่อชื่อเสียง
และชีวิตตามมาเสมอๆ
10. บ้านที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเกินไป
ใต้ทางด่วน สะพาน ทางยกระดับ
หรือติดกับสิ่งปลูกสร้างที่สูง
และขนาดใหญ่มากเกินไปไม่ดี
ตัวอย่างนี้เห็นได้บ่อยในตัวเมือง
และสังเกตได้ง่าย ๆ
ตามรถไฟฟ้าในเมือง
บ้านที่มีลักษณะแบบนี้
จะไม่สามารถดึงพลังเข้าสู่ตัวบ้านได้
เนื่องจาก
สิ่งปลูกสร้างด้านหน้าไม่อำนวย
ไม่เหมาะทำการค้า หรืออยู่อาศัย
อีกทั้งการที่มีรถวิ่งผ่าน
ใกล้ตัวบ้านมากเกินไป
ส่งผลต่อคนในบ้าน
มีเรื่องวุ่นวายใจ คิดมาก
จิตใจเป็นกังวล หดหู่ได้ง่าย
สามารถแก้ไขได้
โดยต้องใช้แสงไฟ ส่องสว่าง
มาตกแต่งให้โดดเด่นมากเป็นพิเศษ
เพื่อเพิ่มพลังชีวิต
ถ้าสามารถใช้งานพื้นที่ชั้นบน
ที่อยู่เหนือสะพาน
หรือถนนได้จะดีกว่า
หรือให้ถอยร่นออกมาจากถนน
ให้มีช่องว่างให้มากขึ้น
บางที่เคยเห็นใช้น้ำพุ น้ำตก
ก็ช่วยให้มีการไหลเวียนพลังงานส่วนนั้น
ได้เช่นกัน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้
คือ ลักษณะแบบบ้านที่เข้าข่าย
มีโอกาสอยู่แล้ว
ขาดความเจริญรุ่งเรือง
ขาดโชคลาภ
หากบ้านใดเป็นแบบนี้
ก็ลองหาทางแก้ไขตามที่บอกไปได้
แต่ทั้งนั้น
ยังต้องดูถึงองศาทิศทาง
มาประกอบด้วย
จึงจะสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า
ฮวงจุ้ยนั้นดีหรือร้าย
ซึ่งการคำนวนองศาทิศทางพลังงาน
ต้องใช้ผู้รู้ฮวงจุ้ย
มาให้คำแนะนำอย่างละเอียด
เช่น บางบ้าน
เมื่อคำนวนองศาทิศทางแล้ว
พบว่าหน้าบ้านเป็นองศาที่ไม่ดี
แต่โชคลาภอยู่ด้านหลังบ้าน
ดังนั้นวิธีการปรับบ้านเพื่อรับพลังงาน
ก็จะกลับหัวกัน
คือ หน้าบ้านต้องปิดทึบ
ส่วนหลังบ้านต้องโล่ง อย่างนี้เป็นต้น
หรือ แม้แต่บ้านที่เป็นทางสามแพร่ง
ที่ซินแสทั่วไปให้หลีกเลี่ยง
แต่ถ้าคำนวนองศาแล้ว
เป็นองศาที่ดี
เมื่อย้ายเข้าอยู่แล้ว
ยิ่งเจริญก้าวหน้ารวดเร็ว
มากกว่าปกติถึง 5-10 เท่า
แต่หากไม่รู้จริง
ก็เสื่อมได้ 5-10 เท่าเช่นกัน
ดังนั้นซินแสทั่วไป
จึงมักให้เลี่ยงทางสามแพร่ง
หากยังไม่ได้คำนวนองศาทิศทาง
ฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง
จะต้องวัดผลได้ภายใน 3-4 เดือน
ส่งสัญญาณได้ภายใน 1 เดือนแรก
ดังนั้นสามารถทดลองปรับเปลี่ยน
และคอยดูผลได้เลย
หากปรับแล้วดีขึ้น
ก็ให้ใช้ตามนั้น
แต่หากปรับแล้ว
ภายในเดือนแรกดูแนวโน้ม
แสดงผลร้ายมากกว่า
ก็รีบปรับเปลี่ยนใหม่
และหาทางแก้ไขไปในตัว
และที่ต้องระมัดระวังก็คือ
เรื่องการตั้งน้ำพุ
เป็นการกระตุ้นพลังงาน
ได้เร็วและเห็นผลชัด
หากตั้งในจุดที่เสื่อม
ก็จะส่งสัญญาณเสื่อมให้รู้ได้เร็ว
หรือทิศทางตำแหน่งการวางถูกต้อง
แต่ไปตั้งในฤกษ์ยาม
ที่เป็นอสูร หรือส่งผลร้าย
อย่างนี้ก็เกิดผลร้ายตามมาเช่นกัน
ฮวงจุ้ย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
หากจะว่ากันให้เห็นชัด
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป
หากค่อย ๆ นำมาปรับใช้
ควรมีความรู้พื้นฐานบ้าง
ในหลักการ
และการปรับแต่งอย่างละเอียด
ควรเชิญซินแส หรือผู้รู้ไปช่วยจะดีกว่า
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก โพสท์ทูเดย์
และนิตยสารช่องทางทำมาหากิน
ในการซื้อบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
ทุกวันนี้คนมักเข้าใจกันว่า
จะต้องทำฮวงจุ้ย
จากภายในออกไปข้างนอก
โดยพยายามปรับ
ให้สภาพแวดล้อมสอดคล้องกับบ้าน
ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง
เพราะการพิจารณาฮวงจุ้ยภายในบ้าน
หรือที่ดินนั้น
จะทำขึ้นหลังจากลักษณะสภาพแวดล้อม
เช่น ภูเขา แม่น้ำ หรือถนนในเมือง
และอาคารต่าง ๆ
ที่ล้อมรอบบ้าน หรือที่ดิน
ได้รับการพิจารณาแล้ว
คุณภาพของที่ดินที่ดี
ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
ของสภาพแวดล้อมภายนอก
และพลังชี่ที่ที่ดินนั้น ๆ จะได้รับ
ส่วนฮวงจุ้ยภายในนั้น
จะใช้เพื่อควบคุม
วิธีที่พลังชี่ไหลเข้ามาในที่ดิน
ตลอดจนการจัดวางรูปแบบ
การหมุนเวียนของพลังชี่
และการนำมาใช้ประโยชน์ในบ้าน
พลังชี่ก็เปรียบเสมือนแก่น
หรือกระดูกสันหลังของฮวงจุ้ย
ต้องมีการคำนวณ
ตรวจสอบพลังชี่
ทั้งภายในและภายนอกบ้าน
และนำหลักการมาประยุกต์ใช้
นี่เป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับผู้ให้คำปรึกษาด้านฮวงจุ้ย
ที่เป็นมืออาชีพ
ห้องต่าง ๆ ในบ้าน
สามารถช่วยให้เกิดฮวงจุ้ยที่ดีได้
ไม่ว่าจะห้องไหน
หากในห้องนั้นมีพลังชี่ที่ดี
ก็ช่วยส่งเสริมฮวงจุ้ยของบ้าน
แต่ถ้าเกิดมีพลังชี่ที่ไม่ดี
ก็ต้องลองหาห้องอื่นที่มีพลังงานที่ดีกว่า
ไม่เช่นนั้นก็ต้องหาวิธีปรับปรุง
และพยายามสร้างทางหมุนเวียน
ของพลังชี่ที่ดีภายในบ้าน
เพื่อที่พลังชี่นั้นจะได้เอื้อประโยชน์
และเกื้อหนุนคนในบ้านได้
แต่สำหรับเครื่องเรือน
เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งต่าง ๆ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ย
แต่สิ่งเหล่านี้
ก็จะสามารถมาช่วยเสริมหรือข่ม
พลังงานบางประเภท
ในบางบริเวณของบ้าน
ข้อแนะนำสำหรับคนจะซื้อที่ดิน
ก่อนจะเลือกซื้อที่ดิน
จะดีที่สุด
ถ้ามีการคัดกรองที่ดิน
ที่จะซื้อก่อน
นั่นคือ
อาจต้องจ่ายเงิน
เพื่อปรับปรุงฮวงจุ้ยตั้งแต่แรก
ดีกว่าที่ต้องมาจ่ายเงิน
เพื่อแก้ตรงบริเวณที่ไม่ดี
แถมยังต้องมาจ่ายเพิ่ม
เพื่อปรับฮวงจุ้ยอีกต่างหาก
ดังนั้นหากจะลดค่าใช้จ่าย
ที่ไม่จำเป็น
การปรับปรุงฮวงจุ้ย
แก้ไขก่อนแต่แรก
จะช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก
ฮวงจุ้ย 10 ประการ
บั่นทอนโชคลาภ ที่ควรเลี่ยง
ฮวงจุ้ยประเภทใด
ที่อยู่แล้วขาดความเจริญ
ยิ่งอยู่ยิ่งยากจน
ยิ่งเงินทองสูญหาย
ยิ่งนำพาปัญหาและอุปสรรค
มาสู่คนในบ้าน
ควรรู้เอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยง
ไม่ให้บ้านหรือร้านค้า
ตรงตามฮวงจุ้ยดังต่อไปนี้
1. บ้านที่ขาดการถ่ายเทอากาศ
ปิดทึบ
ประตู หน้าต่างมีขนาดเล็กมาก
เมื่อเทียบกับขนาดของบ้าน
บ้านที่ดี
ควรมีพลังงานหมุนเวียนถ่ายเท
หรือที่เรียกว่าพลังชี่
มีการหมุนเวียนได้ดีทั่วบ้าน
หากบ้านใด
ที่ปิดทึบตลอดเวลา
หรือห้องใดที่มีแสงสว่างจากภายนอก
เข้ามาน้อยมาก
บ้านนั้นจะขาดพลังชีวิตที่ดี
หากมองในแง่วิทยาศาสตร์แล้ว
บ้านที่การถ่ายเทอากาศได้ไม่ดี
ก็เป็นจุดเริ่มต้น
ของการสะสมเชื้อโรคให้เจริญเติบโต
คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย
แก้ไขได้
ด้วยการหมั่นถ่ายเทอากาศสม่ำเสมอ
หรือให้มีพลังชีวิตของคน
มากระตุ้นได้
โดยพาเพื่อนมาจัดเลี้ยง สังสรรค์
หรือพาเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นเสมอ ๆ
จะเป็นการใช้คนภายนอก
นำมาพลังเข้ามาในบ้าน
เป็นการกระตุ้นพลังชีวิตของบ้าน
ได้เช่นกัน
2. บ้านที่มีของรกรุงรัง
ปิดทางเข้าของบ้าน ขวางหน้าบ้าน
บ้านที่ด้านหน้ามีสิ่งของปิด
ไม่ให้พลังเข้าบ้าน
เป็นการทำให้กระแสที่ดี
เข้าสู่ตัวบ้านได้ยากและลำบาก
บ้านที่ข้างในบ้านมีของรกรุงรังก็เช่นกัน
ส่งผลให้กระแสภายในบ้าน
ไหลเวียนไม่สะดวก
โชคลาภไม่ทำงาน
เพราะติดขัดตลอดเวลา
ควรหมั่นเก็บกวาดบ้าน
และสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้ว
ควรนำไปทิ้งเสมอ ๆ
3. บ้านที่อยู่สูง
หรือต่ำกว่าถนนมาก
บ้านที่สร้างใหม่
มักจะมีการถมที่
เผื่อน้ำท่วมไว้สูงมาก
จะส่งผลให้โชคลาภในบ้าน
ไหลออกภายนอกหมด
สังเกตได้ง่าย ๆ
หลังจากย้ายเข้าบ้าน
ที่สร้างสูงกว่าถนนไว้มาก ๆ
บ้านนั้นจะขาดโชคลาภ
และเงินทองจะเก็บไม่ค่อยอยู่ตลอด
หรือมีเรื่อง
ให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นประจำ
ส่วนบ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนนมากเกินไป
ก็จะเป็นบ่อพักพลังงานทุกอย่าง
พลังไหลเข้าบ้านได้
แต่ออกไม่ได้
ซึ่งเข้าข่ายไม่มีการถ่ายเททีดี
ดังนั้นบ้านที่ดี
ไม่ควรอยู่สูงกว่าพื้นถนน
เกินครึ่งฟุต
หรือต่ำกว่าครึ่งฟุต
อย่างนี้ถือว่าไม่ต่ำหรือสูงมาก
จะช่วยให้พลังงาน
ไหลเวียนถ่ายเทได้ดี
และควรออกแบบ
ให้เป็นลักษณะเหมือนแอ่งตื้น ๆ
เพื่อเก็บพลังงานไว้ได้
และถ่ายเทได้เช่นกัน
ถ้าบ้านที่สูงกว่าถนน
บริเวณหน้าบ้านที่ลาดออกถนน
ควรมีจุดกั้นพลังงาน
ก่อนไหลออกจากบ้าน
สูงกว่าปกติเล็กน้อย
เพื่อกั้นไม่ให้โชคลาภ
ไหลออกได้ง่ายเกินไป
4.บ้านที่มีหน้าต่าง หรือประตู
มากเกินไป
บ้านที่ดูโปร่ง โล่งสบายเกินไป
จะไม่สามารถเก็บพลังไว้ได้
โชคลาภมักจะมาแล้วหายไป
เก็บกักไว้ไม่อยู่
ดังนั้นควรแก้ไข
ด้วยการตรวจหาทิศที่ดีประจำบ้าน
และประจำปี
ทิศดีให้เปิดรับพลังงาน
ที่ร้ายให้ปิดเอาไว้
อย่าให้มีการไหลเวียนเข้าบ้าน
5. ประตูหรือหน้าต่างตรงกัน
จากหน้าบ้านไปสู่หลังบ้าน
บ้านที่ประตู หน้าต่างทะลุถึงกัน
ก็เป็นอีกรูปแบบ
ที่เงินเข้ามาแล้วออกไป
แก้ไขได้โดยหาฉากมากั้น
หรือใช้เฟอร์นิเจอร์มาปิด
ระหว่างหน้าต่างหรือประตูที่ตรงกัน
หากห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามกันแล้ว
ประตูตรงกัน
ถ้าดวงคนในห้องทั้งสองชงกัน
ก็จะส่งผลให้มีปากเสียงกันง่ายขึ้น
แต่หากเป็นชายหญิงระวังเรื่องชู้สาว
หากดวงเข้ากันได้
ความสัมพันธ์จะยิ่งดีขึ้น
6. บ้านที่มีรั้วแบบโปร่ง
และไม่มีจุดเก็บพลังงานรอบบ้าน
รั้วฝั่งด้านหน้าควรเปิดโล่ง
ส่วนด้านอื่นควรปิดทึบ
หากโล่งเกินไป
ควรหาต้นไม้
มาปูลกเป็นแนวแทนก็ได้เช่นกัน
7. บ้านที่บันได
หันไปทางหน้าบ้าน
และตรงกับประตูบ้าน
กระแสจะไหลออกหน้าบ้าน
มีเรื่องต้องสูญเสียเงินทองเสมอ
ควรหาเฟอร์นิเจอร์มันกั้น
หรือฉากมาปิดไว้
สามารถใช้น้ำพุ
หรือตู้ปลาช่วยได้
8. สภาพแวดล้อมที่ขาดพลังชิวีตที่ดี
รกร้าง อึมครึม ต้นไม้เหี่ยวเฉา
หากบ้านใด
ที่ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อม
ที่ดูรกร้างว่างเปล่า
ต้นไม้สูงใหญ่ดูอึมครึมน่ากลัว
หรือต้นไม้ไม่เจริญเติบโตงอกงาม
หมายถึงสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น
ขาดพลังชีวิตที่ดี
บ้านที่ตั้งอยู่ตรงนั้น
ก็จะขาดพลังชีวิตตามไปด้วย
อยู่แล้วไม่เจริญรุ่งเรือง
และมีโอกาสเสียชีวิต
แบบผิดปกติ
แก้ไขโดย
พยายามจัดบริเวณบ้าน
ให้น่าอยู่ ร่มรื่น
เพื่อช่วยสร้างพลังชีวิตขึ้นมาใหม่
9. สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยขยะ
น้ำเสียเน่าเหม็น สกปรก อับชื้น
สภาพแวดล้อมเช่นนี้
จะส่งผลให้มีแต่เรื่องเสียหาย
เรื่องที่ไม่ดีเข้าสู่คนในบ้าน
ระวังมีปัญหาชู้สาว
เจ็บป่วย
หน้าที่การงานถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจมืด
สิ่งผิดกฏหมาย
แม้มีโชคลาภก็นำมาซึ่งความวุ่นวาย
เสียหายต่อชื่อเสียง
และชีวิตตามมาเสมอๆ
10. บ้านที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเกินไป
ใต้ทางด่วน สะพาน ทางยกระดับ
หรือติดกับสิ่งปลูกสร้างที่สูง
และขนาดใหญ่มากเกินไปไม่ดี
ตัวอย่างนี้เห็นได้บ่อยในตัวเมือง
และสังเกตได้ง่าย ๆ
ตามรถไฟฟ้าในเมือง
บ้านที่มีลักษณะแบบนี้
จะไม่สามารถดึงพลังเข้าสู่ตัวบ้านได้
เนื่องจาก
สิ่งปลูกสร้างด้านหน้าไม่อำนวย
ไม่เหมาะทำการค้า หรืออยู่อาศัย
อีกทั้งการที่มีรถวิ่งผ่าน
ใกล้ตัวบ้านมากเกินไป
ส่งผลต่อคนในบ้าน
มีเรื่องวุ่นวายใจ คิดมาก
จิตใจเป็นกังวล หดหู่ได้ง่าย
สามารถแก้ไขได้
โดยต้องใช้แสงไฟ ส่องสว่าง
มาตกแต่งให้โดดเด่นมากเป็นพิเศษ
เพื่อเพิ่มพลังชีวิต
ถ้าสามารถใช้งานพื้นที่ชั้นบน
ที่อยู่เหนือสะพาน
หรือถนนได้จะดีกว่า
หรือให้ถอยร่นออกมาจากถนน
ให้มีช่องว่างให้มากขึ้น
บางที่เคยเห็นใช้น้ำพุ น้ำตก
ก็ช่วยให้มีการไหลเวียนพลังงานส่วนนั้น
ได้เช่นกัน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้
คือ ลักษณะแบบบ้านที่เข้าข่าย
มีโอกาสอยู่แล้ว
ขาดความเจริญรุ่งเรือง
ขาดโชคลาภ
หากบ้านใดเป็นแบบนี้
ก็ลองหาทางแก้ไขตามที่บอกไปได้
แต่ทั้งนั้น
ยังต้องดูถึงองศาทิศทาง
มาประกอบด้วย
จึงจะสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า
ฮวงจุ้ยนั้นดีหรือร้าย
ซึ่งการคำนวนองศาทิศทางพลังงาน
ต้องใช้ผู้รู้ฮวงจุ้ย
มาให้คำแนะนำอย่างละเอียด
เช่น บางบ้าน
เมื่อคำนวนองศาทิศทางแล้ว
พบว่าหน้าบ้านเป็นองศาที่ไม่ดี
แต่โชคลาภอยู่ด้านหลังบ้าน
ดังนั้นวิธีการปรับบ้านเพื่อรับพลังงาน
ก็จะกลับหัวกัน
คือ หน้าบ้านต้องปิดทึบ
ส่วนหลังบ้านต้องโล่ง อย่างนี้เป็นต้น
หรือ แม้แต่บ้านที่เป็นทางสามแพร่ง
ที่ซินแสทั่วไปให้หลีกเลี่ยง
แต่ถ้าคำนวนองศาแล้ว
เป็นองศาที่ดี
เมื่อย้ายเข้าอยู่แล้ว
ยิ่งเจริญก้าวหน้ารวดเร็ว
มากกว่าปกติถึง 5-10 เท่า
แต่หากไม่รู้จริง
ก็เสื่อมได้ 5-10 เท่าเช่นกัน
ดังนั้นซินแสทั่วไป
จึงมักให้เลี่ยงทางสามแพร่ง
หากยังไม่ได้คำนวนองศาทิศทาง
ฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง
จะต้องวัดผลได้ภายใน 3-4 เดือน
ส่งสัญญาณได้ภายใน 1 เดือนแรก
ดังนั้นสามารถทดลองปรับเปลี่ยน
และคอยดูผลได้เลย
หากปรับแล้วดีขึ้น
ก็ให้ใช้ตามนั้น
แต่หากปรับแล้ว
ภายในเดือนแรกดูแนวโน้ม
แสดงผลร้ายมากกว่า
ก็รีบปรับเปลี่ยนใหม่
และหาทางแก้ไขไปในตัว
และที่ต้องระมัดระวังก็คือ
เรื่องการตั้งน้ำพุ
เป็นการกระตุ้นพลังงาน
ได้เร็วและเห็นผลชัด
หากตั้งในจุดที่เสื่อม
ก็จะส่งสัญญาณเสื่อมให้รู้ได้เร็ว
หรือทิศทางตำแหน่งการวางถูกต้อง
แต่ไปตั้งในฤกษ์ยาม
ที่เป็นอสูร หรือส่งผลร้าย
อย่างนี้ก็เกิดผลร้ายตามมาเช่นกัน
ฮวงจุ้ย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
หากจะว่ากันให้เห็นชัด
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป
หากค่อย ๆ นำมาปรับใช้
ควรมีความรู้พื้นฐานบ้าง
ในหลักการ
และการปรับแต่งอย่างละเอียด
ควรเชิญซินแส หรือผู้รู้ไปช่วยจะดีกว่า
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก โพสท์ทูเดย์
และนิตยสารช่องทางทำมาหากิน