เตียงดีไม่มีหัก แต่ก่อนที่คุณจะออกไปเลือกซื้อที่นอน ควรตระเตรียมหาคำตอบกับคำถามเหล่านี้ไว้ก่อน
จะทำให้การเลือกที่นอนง่ายขึ้น ไม่เสียเวลาแต่อย่างใด
สำรวจความต้องการและสภาพร่างกายของตนเอง
ทำไมถึงต้องสำรวจตัวเองก็เพราะหลาย ๆ ท่านมักจะมีปัญหากับสภาพร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดเอว
จึงจำเป็นต้องหาที่นอนที่สามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้หรืออย่างน้อยจะต้องไม่ซ้ำเติมให้อาการหนักขึ้นไปอีก
และใครที่ชอบนอนที่นอนแข็งๆ ก็ต้องหาข้อมูลว่าที่นอนแข็งๆ มันทำมาจากอะไรมีผลดีผลเสียอย่างไรต่อร่างกาย
หาข้อมูลเกี่ยวกับที่นอนชนิดต่าง ๆ
อันนี้ถือว่าจำเป็นมากๆ เพราะจะทำให้คุณมีข้อมูลรู้จริง ไม่ต้องคล้อยตามพนักงานขายเพียงอย่างเดียว
สำหรับประเภทและลักษณะของที่นอน ขอสรุปเป็นประเภทดังนี้
1. ประเภทแข็ง ชนิดแรก
ได้แก่ ที่นอนที่ทำจากยางพารา มีความนุ่มและยืดหยุ่นดี น้ำหนักมากคงสภาพดี อายุการใช้งานไม่ค่อยนานนัก
คุณสมบัติเด่นคือ เก็บความชื้นและฝุ่นละออง ระบายอากาศได้น้อยและยังดูดความชื้นได้ดี
เพราะฉะนั้นใครที่ชอบที่นอนยางพาราก็ขอให้พิจารณาให้ดีก่อน
อีกชนิดหนึ่งได้แก่ ที่นอนใยมะพร้าว ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่มเท่ายางพารา น้ำหนักมากคงสภาพดี
ไม่สะสมความชื้น ระบายอากาศได้ดี เพราะด้านในโปร่งต่างจากที่นอนยางพารา
แต่ถ้าชอบที่นอนแข็งผมขอแนะนำที่นอนใยมะพร้าวจะดีกว่า
2. ประเภทนิ่ม ชนิดแรก
ได้แก่ ที่นอนฟองน้ำ มีความนุ่มมากคงสภาพไม่ค่อยได้นาน จึงมักเป็นสาเหตุของการปวดหลัง
ส่วนอีกประเภท คือ ที่นอนสปริง มีความยืดหยุ่นสูงมาก น้ำหนักมาก ยิ่งมีสปริงมาก
จะทำให้การรับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น แต่เมื่อใช้ไปนานๆ อาจมีเสียงดังได้ ไม่สะสมความชื้น
ระบายอากาศได้ดีมาก และเพื่อให้คุณเข้าใจส่วนประกอบภายในที่นอนสปริงมากขึ้น ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
ในที่นอนสปริงเมทส่วนใหญ่ วงสปริงและชั้นวัตถุดิบต่าง ๆ เป็นวัสดุที่ช่วยรองรับร่างกาย
นอกจากในตัวที่นอนแล้วในตัวบ๊อกซ์สปริงก็อาจจะมีวงสปริงเช่นเดียวกัน
สิ่งที่คุณควรทราบในการซื้อที่นอนสปริงมี 2 อย่างดังนี้
2.1 จำนวนวงสปริงในที่นอน มีความสำคัญกับความแข็งของที่นอน ไม่มากก็น้อย เช่น
ที่นอนมีวงสปริง 400 วง สามารถรองรับน้ำหนักได้น้อยกว่าที่นอนที่มีวงสปริง 700 วง
แต่ไม่ได้หมายความว่าที่นอนวงสปริง 400 วง ไม่ได้คุณภาพ
เพียงแต่ท่านใดที่ชอบนอนที่นอนแข็ง ๆ ก็ควรเลีอกที่นอนที่มีวงสปริงมาก
2.2 สำหรับที่นอนสปริงที่มีคุณภาพขดลวดต้องหนา เส้นลวดที่นำมาใช้ทำสปริงต้องเส้นใหญ่
จึงสามารถรองรับน้ำหนักได้มากซึ่งสังเกตง่าย ๆ ได้โดยทิ้งตัวลงนอน
ถ้าที่นอนนั้นยุบตัวเร็วก็คือ ที่นอนที่ใช้วงปริงไม่เพียงพอหรือใช้ขดลวดที่ไม่ได้คุณภาพ
3. ประเภทผสม
เป็นการวางแผ่นชั้นของวัสดุแบบผสมผสานและมักเป็นการรวมคุณสมบัติที่ดีเข้ามาเสริมไว้ด้วยกัน
เช่น ที่นอนใยมะพร้าวผสมยางพารา ซึ่งจะได้ความนุ่ม ยืดหยุ่นสูง แถมยังได้ความคงทนด้วย
เลือกซื้ออย่างมียุทธวิธี
ต้องทราบก่อนว่าคุณจะใช้ที่นอนขนาดเท่าไร โดยทั่วไปที่นอนจะมีความหนาตั้งแต่ 6” , 8”, และ 10” ขึ้นไป
สำหรับขนาดความกว้างจะมี 3 ขนาดได้แก่ 3.5 ฟุต (Twin) เรียกว่าที่นอนเดี่ยวที่นอนคู่ (Queen) กว้าง 5 ฟุต
และที่นอนคู่แบบพิเศษ (King) กว้าง 6 ฟุต ส่วนความยาวของที่นอนจะเท่ากันหมดคือ 6.5 ฟุต
เมื่อคุณได้ขนาดที่ต้องการแล้วให้เลือกประเภทที่นอนที่ชอบแล้ว
ลองนอนดูพร้อมคู่นอนของคุณโดยไม่ใส่รองเท้า ในท่านอนปกติ เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที แต่ละครั้ง
อย่าลองนอนบนที่นอนมากกว่าสามแบบ อาจจะทำให้คุณสับสนได้
ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกซื้อที่นอนคุณบรรลุวัตถุประสงค์ในการซื้อที่นอนเพื่อสร้างความสุขในการนอน
โดย ประภาส สุทธิอำนวยกูล
เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
ที่นอน..มีผลต่อสุขภาพ
เลือกโทนสีผ้าปูที่นอน